Uncategorized

ดอกไม้ประจำราศี ทราบไว้เก๋ๆ

เราคงเคยได้เห็นหลายคนเขียนถึงสีที่เข้ากันได้หรือสีที่ให้โชคกับชาวราศีต่างๆกันมาแล้ว คราวนี้ผู้เขียนได้แอบไปเห็นฝรั่งเขาเขียนถึงดอกไม้ประจำราศีต่างๆเหมือนกัน เขาบอกว่าในแต่ละราศีเนี่ยจะมีบุคคลิกต่อดอกไม้ไม่เหมือนกัน เราลองมาดูกันสิว่าราศีของเราหรือคนที่เรารักนั้นมีดอกไม้เป็นสัญลักษณ์เป็นดอกอะไรกันบ้าง

ARIES: MARCH 21 – APRIL 20

เป็นชาวราศีที่ให้พลังกับสิ่งรอบข้าง กระตือรือร้นและใจร้อน เหมาะกับดอกทิวลิปสีร้อนแรง

TAURUS: APRIL 21 – MAY 21

ราศีที่เหมาะกับคนหัวแข็ง หัวใจอบอุ่น จึงแทนด้วยดอกลิลลี่

GEMINI: MAY 22 – JUNE 21

ราศีสร้างสรรค์ เหมาะกับการเข้าสังคม เน้นดอกกุหลาบ

CANCER: JUNE 22 – JULY 22

อ่อนไหวกับคำพูดง่าย ต้องอดทนที่คบหา ดอก Delphinium

LEO: JULY 23 – AUGUST 22

ยิ่งใหญ่ ผยอง เข้มแข็ง นั้นใช่ดอกทานตะวัน

VIRGO: AUGUST 23 – SEPTEMBER 23

คนราศีกันย์เป็นคนหัวโบราณ ขี้อาย แต่ชัดเจนทางด้านความต้องการ ดอกเดซี่จึงเป็นดอกที่ให้ความหมายได้ดีกับคนราศีนี้

LIBRA: SEPTEMBER 24 – OCTOBER 23

ชาวตุลย์เป็นคนโรแมนติก มีเสน่ห์ และเข้ากับทุกคนได้ง่าย ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของราศีนี้คือดอกไฮเดรนเยีย Hydrangea

SCORPIO: OCTOBER 24 – NOVEMBER 22

ชาวแมงป่องราศีนี้เปลี่ยนแปลงตามอารมณ์ได้ง่าย อาศัยดอก Peony อาศัยดอกไม้บอกความเป็นตัวตนตัวเอง

SAGITTARIUS: NOVEMBER 23 – DECEMBER 21

ชาวธนู ให้รู้ไว้ว่าดอกที่ควรคู่คือดอกคาร์เนชั่น

CAPRICORN: DECEMBER 22 – JANUARY 20

ชาวมังกร ต้องอ้อนกันด้วยดอก African violet ดอกประจำราศี

AQUARIUS: JANUARY 21 – FEBRUARY 19

ส่วนชาวกุมภ์ที่มีความซื่อสัตย์และภักดีเป็นจุดเด่น ต้องเน้นดอกกล้วยไม้

PISCES: FEBRUARY 20 – MARCH 20

ส่วนชาวมีนที่เปิดใจง่าย คบง่าย ไม่มีพิธีรีตอง ต้องดอก Alstroemeria

ผู้เรียบเรียงและเขียน

ปวีณา วาสนาเรืองศุกร์

Copyright©2008

P.V.

All Rights Reserved.

สงวน ลิขสิทธิ์ ตาม กฎหมายและกฎหมู่

http://www.facebook.com/AstroHamburg

โหราพาเพลิน · โหราศาสตร์ฮัมบูรก์

จิตเปลี่ยนไปเพราะความยึดติด

 

   อารมณ์มันก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราเพ่งเล็งอะไรมาก นึกถึงเรื่องอะไรมาก ก็เรียกว่า “เมา”ในสิ่งนั้น เมาในรูป เมาในเสียง เมาในสิ่งที่จับต้อง แล้วเราก็นั่งคิดนั่งนึกอยู่ในเรื่องนั้น เขาเรียกว่า”เมา”เหมือนกัน เมาแล้วทำให้สภาพจิตใจเปลี่ยนจากความสะอาดจากความสงบ สว่าง กลายเป็นสกปรกวุ่นวาย เร่าร้อน

ดาวเนปจูนก็ถือว่าเป็นดาวที่ส่งอิทธิพล ทำให้ผู้คนเมาทำให้หลง สื่อและเทคโนโลยีหลายอย่างบนโลกเราทุกวันนี้ล้วนแต่ทำให้ผู้คนมึนเมา หลงเข้าใจไปยึดติด เมื่อดาวจรเนปจูนกุมอยู่ในจุษเมษของปีไหนนั่นแสดงให้เห็นว่า ในปีนั้นอิทธิพลแห่งความมัวเมา ความคลุมเครือจากเนปจูนจะส่งผลให้เห็นอย่างชัดต่อมนุษย์เช่น การละคร ภาพยนต์ สื่อทางโทรทัศน์(วงการมายาทั้งหลาย) เชื้อโรคที่ลอยในอากาศอย่างไวรัส เหล่านี้ล้วนแต่ได้รับอิทธิพลจากดาวเนปจูนทั้งสิ้น

P.V.

รู้ทันสันดานดาว · โหราพาเพลิน · โหราศาสตร์ฮัมบูรก์

ที่มา…สัญลักษณ์ดวงดาว

ดวงดาวบนฟ้าเป็นกุญแจไขชีวิตของมนุษย์ที่อยู่บนโลก ถือเป็นการสื่อสารระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ เมื่อยามอาทิตย์เคลื่อนที่ พระจันทร์และดาวอื่นยังคงทำมุมอยู่รอบตัวเราและอยู่ในรูปแบบของสัญลักษณ์ ข้าพเจ้าหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า เจ้าสัญลักษณ์บนฟ้านั้นจะต้องมีความหมายที่สมบูรณ์ในตัวมันเอง

“Mathematicall Preaface”, 1570, John Dee

Monas เป็นองค์ประกอบทางสัญลักษณ์ที่กรปรด้วยสัญลักษณ์แห่งดาวทั้ง 7 ดวง(อาทิตย์, จันทร์, โลก, ดาวอังคาร, ดาวศุกร์, ดาวพุธ, ดาวเสาร์) รวมทั้งสัญลักษณ์ราศีเมษ มันควรเป็นตัวแทนของจักรวาลรวมไปถึงการจัดลำดับและการตีความหมาย  ด้วยภาพ Monas ของนาย John Dee ที่มีมาตั้งแต่ปี 1564 ได้แสดงถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างทวิภพคือ จุลภพกับมหภพและจักราศีที่ดวงดาวมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์บนพื้นโลกในลำดับที่แตกต่างกัน

สัญลักษณ์ Monas นี้บอกเราได้ว่าสัญลักษณ์ของดาวเคราะห์มีที่มาจากไหน

  • สัญลักษณ์ของ ดาวศุกร์ ประกอบไปด้วย พระอาทิตย์(รูปทรงกลม)และธาตุทั้งสี่ (ทรงไม้กางเขน)

 

  •  สัญลักษณ์ของ ดาวเสาร์ ประกอบไปด้วย ธาตุทั้งสี่และเขาครึ่งนึงของราศีเมษ

 

 

  • สัญลักษณ์ของ ดาวอังคาร ซึ่งมีพระอาทิตย์และสัญลักษณ์แห่งราศีเมษ

 

  •  สัญลักษณ์ของ ดาวพุธ ประกอบไปด้วย ส่วนนึงเป็นพระอาทิตย์ พระจันทร์และธาตุทั้งสี่(ไม้กางเขน) ดาวพุธเคยถูกจัดให้เป็นดาวแห่งการเล่นแร่แปรธาตุเพราะมีองค์ประกอบของสารปรอทที่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบเมื่อนานมาแล้ว

  

  • สัญลักษณ์ของ พระอาทิตย์ ในภาพเราจะเห็นจุดดำๆตรงศูนย์กลาง นั้นหมายถึงดิน John Dee เขาตั้งทฤษฏีเรื่องของ”จุดศูนย์กลาง”นี้ขึ้นมาว่าโลกนั้นเป็นจุดศูนย์กลางที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเริ่มต้นจากจุดนี้ ดวงดาวที่เรียงรายกันอยู่ในจักรวาลนั้น สุดท้ายก็จะโคจรเข้ามาอยู่ในวงกลมเดียวกันที่มีจุดศูนย์กลางที่ต้องเชื่อมโยงถึงกัน

 

  • สัญลักษณ์ของ ราศีเมษ เป็นราศีต้นๆ ในสมัยโบราณเขาจะเทียบสัญลักษณ์ ดาวพุธ(เขาที่งุ้มเข้า) ที่อยู่บนศรีษะของมนุษย์ผู้ชายว่าหมายถึงอำนาจที่อยู่ภายในจิตใจที่มีอิทธิพลต่อโลก

 

ที่มา :

Symbolik des Kosmos: John Dee 

 

 

 

Copyright©2008

P.V.

All Rights Reserved.

สงวน ลิขสิทธิ์ ตาม กฎหมายและกฏหมู่

รู้ทันสันดานดาว · โหราศาสตร์ฮัมบูรก์ · SO

พระอาทิตย์ (SU) นั้นมีความหมายมากกว่าพลังงาน

ในแง่ของโหราศาสตร์ฮัมบูรก์ สัญลักษณ์พระอาทิตย์นี้ นอกจากความหมายในตำราว่ามันคือ ผู้ชาย มนุษย์ ร่างกาย ชีวิตแล้วยังหมายถึง

  • กิจกรรม
  • ความโอ่อ่า
  • การเผย
  • เฉิดฉาย
  • ความเป็นตัวตน
  • มั่นใจ
  • โดดเด่น
  • การขยาย
  • เห็นแก่ตัว
  • เพชร
  • ความแกร่ง
  • …..

Copyright©2008

P.V.

All Rights Reserved.

สงวน ลิขสิทธิ์ ตาม กฎหมายและกฏหมู่

รู้ทันสันดานดาว · โหราพาเพลิน · โหราศาสตร์ฮัมบูรก์

ลัคนา เสียไม่ได้หมายถึงชีวิตเราเสียตาม

ใส่เกลือเข้าไปจะเค็ม

ใส่น้ำตาลเข้าไปจะหวาน

ใกล้อะไรก็จะกลายเป็นอย่างนั้น

จับชอล์กจะเปื้อนสีขาว

จับถ่านจะเปื้อนสีดำ

อย่าดูถูกสภาพแวดล้อมว่าจะไม่มีอิทธิพลต่อเรา

คนเราเปลี่ยนแปลงได้เพราะสภาพแวดล้อม

ลัคนา หมายถึงสิ่งแวดล้อม หมายถึงผู้อื่นที่ไม่ใช่ตนเอง ทุกคนคงจะเคยได้ยินได้ฟังกันบ่อยในทางภาษาหมอดูว่า “คนนี้ลัคนาเสียหรือไม่ดี” หากแปลเป็นภาษาชาวบ้านหมายถึงคนที่เกิดมามีลัคนาเสียหรือมีดาวเสียทำมุมกันอยู่กับ AS (ลัคนา)ในพื้นดวงของเจ้าชะตาผู้นั้น ทำให้คนผู้นั้นเกิดมาอาภัพหรือมีศัตรูง่าย หาคนอุปถัมภ์ยาก บลา บลา บลา

การที่เรามีลัคนาเสียไม่ได้หมายถึงดวงตกอับหรือต้องเจ้าของชีวิตผู้นั้นต้องรีบไปสะเดาะเคราะห์โดยทันทีทันใด เพราะองค์ประกอบและแก่นแท้ของการมีชีวิต ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว ต้องขึ้นอยู่กับตัวเราเองด้วย ต่อให้เราเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมสักกี่ครั้ง แต่หากเรายังมีทัศนคติแบบเดิม เอาแต่ใจอย่างเดิมไม่คิดที่จะปรับตัวและยอมรับความจริง ก็เป็นเรื่องยากที่ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเพียงแค่ทำบุญ หวังผล

Copyright©2008

P.V.

All Rights Reserved.

สงวน ลิขสิทธิ์ ตาม กฎหมายและกฏหมู่

โหราพาเพลิน · โหราศาสตร์ฮัมบูรก์ · HA · NE · VU

“อุทกภัย”จะดูได้จากดาวไหน

ครั้งนึงเคยเกิดอุทกภัยน้ำท่วมที่เมืองฮัมบูรก์ ในคืนของวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2505 ช่วงนั้นเป็นฤดูหนาว เขื่อนเกิดแตกในกลางดึก น้ำทะเลที่หนุนสูงจึงท่วมเมือง มีผู้คนที่ล้มหายและพรัดพรากจำนวนมาก เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นประวัติศาสตร์และบทเรียนที่ต้องจดจำในประเทศเยอรมนี เหตุการณ์นี้เคยถูกสร้างเป็นละครยาวทางโทรทัศน์ในปี 2005 (ช่องRTL)

ทางสถาบันโหราศาสตร์ฮัมบูรก์เขาให้ความคิดเห็นว่า ในทุกๆเมืองนั้นย่อมเกิดภัยใดๆก็ได้ในทุกขณะจิต เพียงแต่ว่าเหตุการณ์นั้นๆจะเป็นเหตุการณ์จากเล็กไปหาใหญ่หรือไปจนถึงระดับประเทศรึไม่ สิ่งที่เราควรพิจารณาก่อนอื่นคือจุดเมอริเดียน(MC)และจุดลัคนา(AS)ของเมืองนั้นๆ

เมื่อเราพูดถึงน้ำ เราต้องยกให้เป็นบทบาทของดาวเนปจูน(NE) ส่วนความหมายของคำว่า”จำนวนมาก”หรือมหาศาลต้องถือเป็นหน้าที่ของดาววัลคานุส(VU)และอพอลลอน(AP) ดาวฮาเดส(HA)เป็นดาวให้โทษทางด้านการเสียหาย เสื่อมเสีย ดังนั้นเมื่อเราจะวิเคราะห์ในเรื่อง”อุทกภัย” มันจึงต้องมีตระกูลดาวเหล่านี้เข้ามาเกี่ยวข้อง NE  HA AP VU

Copyright
© 2008 P.V.
All Rights Reserved.
สงวน ลิขสิทธิ์ ตาม กฎหมายและกฏหมาย

ปวีณา

โหราพาเพลิน

Belt up, heaven can wait!

ในทางโหราศาสตร์นั้น คำว่า”อุบัติเหตุ” เขาจะหมายถึงดาว 2ดวงนี้เป็นอย่างแรก MA UR (นั่นคือดาวอังคารและดาวยูเรนัส) ดาวอังคารนั้นหมายถึงการกระทำ การเคลื่อนไหว ส่วนดาวยูเรนัสนั้นหมายถึงความไวหรือกระทันหัน

วิดิโอที่อยู่ด้านบนนั้นสะท้อนใจให้เราเห็นว่า อุบัติเหตุนั้นป้องกันได้ หากเราไม่ประมาท นอกจากจะไม่ทำให้เราเดือดร้อนแล้ว คนอื่นก็ไม่เดือดร้อนเพราะเราอีกด้วย ตราบใดที่เรายังอยู่บนโลกใบเดียวกัน การสะท้อนวกกลับของพลังงานมันจะลิ้งก์ถึงกันและกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อย่าลืมว่า “ความประมาทนำไปสู่ความหายนะ”

ผู้เขียน: P.V.

โหราพาเพลิน · โหราศาสตร์ฮัมบูรก์

Helen Keller เฮเลน เกลเลอร์ “ผู้หญิงเคราะห์ร้ายที่น่ายกย่อง”

ในสถานการณ์การเมืองที่อึมครึม หลายคนมีอาการจิตตก  ข้าพเจ้ามีหนังดีมาแนะนำในวันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นหนังดีที่อยู่นอกกระแส แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพที่ควรดู หนังที่ข้าพเจ้าเคยดูในปี 2000 นี้เป็นหนังที่มีสาระและให้กำลังใจได้ดีมากสำหรับคนที่กำลังหมดหวัง หมดหวังมานานแล้ว หรือกำลังจะสิ้นหวัง  เป็นหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริงจากชีวิตของสตรีผู้นึง ที่มีชื่อเสียงโ่ด่งดังไปทั่วโลก แต่คนในเมืองไทยอาจไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยินชื่อ

วีรกรรมของสตรีผู้หนึ่งที่ได้มีชื่อลงในพจนานุกรมชีวประวัติของประเทศต่างๆตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้าขออนุญาติลอกบทความที่ครั้งนึงพลตรีหลวงวิจิตรวาทการได้เคยลงในหนังสือเรื่อง”กุศโลบาย สร้างความยิ่งใหญ่”เอาไว้ดังนี้


เฮเลน เกลเลอร์เป็นสตรีเคราะห์ร้าย คือหูหนวกและตาบอด พิกลพิการตั้งแต่เด็ก เริ่มสอนพูดเมื่ออายุ 10ขวบ แต่กระนั้นก็ยังสามารถทำตนให้พจนานุกรมต้องเขียนว่า “ได้บรรลุถึงความสูงเด่นในทางเป็นนักเขียนและนักศึกษา”

เพื่อให้ผู้อ่านคำนึงว่า แม้คนหูหนวกตาบอพิกลพิการ ยังสร้างความยิ่งใหญ่ได้ถึงขนาดนี้ แล้วเหตุใด พวกเราที่ตาดีหูดี พูดได้อย่างธรรมดาจะสร้างบ้างไม่ได้


เฮเลน เกลเลอร์ เป็นสตรีอเมริกัน เกิดเมื่อ พศ.2423 หรือคศ.1880 เวลาเกิดก็เป็นปรกติ เหมือนเด็กทั้งหลาย ตาดี หูดี สมบูรณ์ทุกอย่าง แต่พออายุได้ 1 ขวบกับ 8เดือน ก็ป่วย ซึ่งแพทย์บอกว่ามันสมองอักเสบทำให้ตาบอด หูหนวกไปทันที เวลาหูหนวกตาบอดนี้ ยังพูดไม่ได้ ก็เลยพูดไม่ได้ไปด้วย

สภาพอย่างนี้เป็นที่น่าสงสารมาก ถ้าตาบอดหูหนวกตั้งแต่กำเนิดเสียทีเดียวจะดีกว่า เพราะจะได้ไม่รู้ไม่เห็นอะไรเสียเลย แต่นี่เด็กซึ่งเคยแลเห็น และเคยได้ยินมาก่อน พอมากลับไม่เห็น ไม่ได้ยินและไม่เข้าใจว่าเป็นด้วยเหตุไรก็เข้าใจว่ามีใครมาแกล้ง โกรธร้องอย่างฉุนเฉียว โทสะร้าย คลำไปพบผ้าก็ฉีก พบของก็ขว้าง พ่อแม่ก้หมดหวังไม่รู้จะทำประการใด พอนานหน่อย อาการโกรธฉุนเฉียวก็ค่อยคลายลงไปบ้าง เพราะมีของที่พอจะเล่นได้อย่างหนึ่งคือ ตุ๊กตา

พ่อแม่พอมีอันจะกิน แต่ไม่มีทางรักษา สำหรับหูนั้นเมื่อเอาเครื่องสำหรับคนหูหนวกมาใส่ ก็พอได้ยิน เคราะห์ดีที่มีคนเมตตามาก ถึงกับนาย อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบล ผู้คิดประดิษฐ์เครื่องโทรศัพท์ มีความเมตตาทำเครื่องฟังให้ ซึ่งเชื่อว่าได้ยิน แต่ไม่มีทางที่จะรู้เรื่องกัน เพราะยังพูดไม่ได้ และไม่เข้าใจภาษาพูด

ชีวิตใหม่ของ  Helen  Keller  ได้เริ่มต้นในเดือนมีนาคม ปี  1887  เมื่ออายุของเธอเกือบจะครบ  7  ขวบ  ในวันดังกล่าว  Miss  Keller  เธอมักจะเรียกมันว่า  “วันที่สำคัญมากที่สุดที่ฉันจำได้ในชีวิตของฉัน” เมื่อนายเกรแฮม เบล นี้เอง ได้แนะนำบิดาของ เฮเลน เกลเลอร์ ให้ร้องขอไปยังโรงเรียนตาบอด ได้ส่งครูคนหนึ่งมาให้ชื่อ นางสาวอานน์ ซุลลิวัน(Anne  Mansfield  Sullivan) มาที่เมือง  Tuscumbia  เพื่อที่จะเป็นครูของเธอ  Sullivan  ซึ่ง  สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี  อายุ  20  ปี  จากโรงเรียน  Perkins  School  สำหรับคนตาบอด  ผู้ซึ่งได้คืนการมองเห็นที่มีประโยชน์โดยอาศัยการผ่าตัดหลายครั้งและเธอมาที่  Keller  โดยอาศัยความสนใจที่เน้นการเห็นอกเห็นใจผู้อื่นของ  Alexander  Graham  Bell  จากวันที่เป็นพรหมลิขิตดังกล่าวทั้งสองไม่สามารถจะแยกกันได้กระทั่งการจากไปของบุคคลแรกในปี  1936

นางสาวอานน์ ซุลลิวัน ครูผู้นี้เรียนสำเร็จมาจากโรงเรียนตาบอด พื้นเพเดิมเป็นคนบากจน และสายโลหิตที่ตนสืบมาก็บกพร่องเต็มที บิดาเป็นคนขี้เมาดื่มเหล้าและเมาอยู่เป็นอาจิน มารดาตายด้วยวัณโรค ตัวเองตาบอดมาจนกระทั่งอายุ 18ปี และเล่า้เรื่องอย่างคนตาบอดเรื่อยมา แต่พออายุ 18ปี แพทย์ลองทำการผ่าตัด เคราะหืดีเหลือเกินนัยน์ตาเกิดมองเห็น เมื่อได้มาเป็นครูเฮเลน เกลเลอร์ันั้น อานน์ ซุลลิวัน มีอายุ20ปี และเฮเลน มีอายุ 6ขวบ ซึ่งนอกจากหูหนวกตาบอดแล้ว ยังเป็นใบ้อีกด้วย

ผู้เชี่ยวชาญเองก็มองเห็นเป็นการยากเหลือเกินที่ อานน์ ซุลลิวัน จะทำประโยชน์อันใดแก่เด็กคนนี้ได้ ตามปรกติที่เคยทำเคยสอนกันมา แต่เป็นเด็กที่ตาบอดอย่างเดียว หูยังดีและไม่เป็นใบ้ หรือเด็กหูหนวกเป็นใบ้แต่ตาไม่บอด แต่เด็กที่เป็นหมดทุกอย่างเช่นนี้ ไม่เคยทำประโยชน์อะไรให้ได้


อานน์ เริ่มต้นด้วยการเขียนหนังสือลงบนฝ่ามือของเฮเลน เป็นตัวๆ มีของสิ่งหนึ่งซึ่งเฮเลนชอบเล่นคือ ตุ๊กตา อานน์ เอาตุ๊กตาใส่มือให้แล้วก็ยกเอานิ้วมือเขียน Doll ลงในฝ่ามือของเฮเลนเป็นตัวๆ ทำอย่างนี้ช้านาน จนกระทั่งเด็กรู้ และเข้าใจว่าการเขียนอย่างนั้นหมายความว่า ตุ๊กตา และเด็กก็ลองเขียนบ้าง เขียนด้วยนิ้วมือเช่นเดียวกัน เด็กสนุก เวลาพบกับพ่อแม่ เอามือพ่อแม่มาเขียน

เมื่อเห็นว่าเฮเลนได้คำนี้ และเช้าใจความหมายแล้วก็เปลี่ยนไปเอาสุนัขที่เลี้ยงในบ้านมาให้ลูบคลำเล่น ให้รู้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่ง แล้วก็เขียนในฝ่ามือให้ว่า Dog คราวนี้เข้าใจทันทีว่า แปลว่าสุนัข แล้วก็เขียนตามได้เร็วขึ้น ต่อมาเอาหมวกให้ เด็กรู้จักหมวกอยู่แล้วเพราะเคยใส่ ครูเขียน Hat ลงที่มือ เด็กก็เขียนตามได้ แล้วก็เปลี่ยนไปทุกที จนกระทั่งถึง Father Mother Sister และทำเรื่อยไป

ทำกันอย่างนี้เป็นเวลา 4ปี และพูดเข้าทางเครื่องสำหรับหูหนวกให้ได้ยิน รู้ได้ว่าเด็กได้ยิน แต่พูดออกมาไม่ได้ ครูต้องเอามือเด็กจับที่ปากของตัวให้เด็กรู้ว่าออกเสียงอย่างไร จะต้องทำปากอย่างนั้น ค่อยๆทำไปทีละน้อย ก็พูดออกมาได้เป็นคำๆ เริ่มพูดได้เมื่ออายุ 10ขวบ

นี้เป็นความสำเร็จอันใหญ่หลวงของอานน์ ซุลลิวัน ซึ่งกลายเป็นเพื่อนชีวิตของ เฮเลน เกลเลอร์ อย่างที่ไม่สามารถจะแยกกันได้ อานน์ จึงต้องอยู่กับเฮเลนตลอดเวลา

ต่อจากนั้นอานน์ให้เฮเลนเรียนพิมพ์ดีด ซึ่งในชั้นแรกก็ต้องใช้เครื่องพิเศษ คือเฉพาะที่นิ้วสัมผัสต้องทำอักษรตัวนูน แต่ไม่ช้าเมื่อหัดดีดอย่างสัมผัสได้คล่องแคล่วแล้ว จะใช้เครื่องธรรมดาก็ได้ อนึ่ง ธรรมชาติย่อมจะให้ความทดแทนแก่สิ่งที่เสียไป คนง่อยเปลี้ยเสียขาตั้งแต่กำเนิดหน้าตามักสวย และโดยเฉพาะอย่างเฮเลน เมื่อประสาทเสียไปแล้วถึงสองทาง คือทางหูกับทางตา ประสาททางอื่นเช่น สัมผัสก็ดีมาก การเรียนพิมพ์ดีดก็เรียนได้รวดเร็วและแม่นยำโดยที่นัยน์ตาไม่ต้องดู

พออายุ 16ปี ครูก็พาไปเข้าโรงเรียน ซึ่งอานน์อยู่ด้วยและเรียนด้วย นั่งอยู่ข้างๆตลอดมา เวลาตอบเวลาสอบ ใช้พิมพ์ดีด และก็สอบได้ เรียนจบหลักสูตรในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ไปเข้าโรงเรียนชั้นสูงต่อไป และพ่อแม่ก็มีทุนรอนพอที่จะหาครูพิเศษมาสอนให้ด้วย ในการสอบไล่ครั้งสุดท้าย ได้คะแนนเกียรตินิยมในทางอักษรศาสตร์ อังกฤษและเยอรมัน

ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เฮเลน  กล่าวว่า  “วันหนึ่งฉันจะฉันจะต้องเข้าเรียนที่วิทยาลัย”  และในที่สุดเธอก็ได้เข้าเรียน  ในปี  1898  เธอได้เข้าเรียนที่โรงเรียน  Cambridge  School  เธอได้เข้าเรียนที่  Radclilt  ในฤดูใบไม้ร่วงปี  1990  และได้รับปริญญาตรีศิลปะศาสตร์  ในปี  1904  ตลอดทั่วทั้งปีต่าง ๆ เหล่านี้และจนกระทั่งเธอเสียชีวิตในปี  1963  Anne  Sulliran  มักจะอยู่ข้าง ๆ กายของเฮเลน  มีการสอนการสะกดโดยใช้หนังสือเล่มแล้วเล่มเล่าและบรรยายแล้วบรรยายอีกลงบนมือของนักเรียน

การเข้าเรียนอย่างเป็นทางการของเฮเลนสิ้นสุดเมื่อเธอได้รับปริญญาแต่ตลอดทั้งชีวิตของเธอเธอยังมีการศึกษาอย่างต่อเนื่องและรับรู้ข่าวสารด้านต่าง ๆ ที่สำคัญสำหรับคนสมัยใหม่  ในการยอมรับองค์ความรู้ที่กว้างขวางของเธอและการบรรลุผลสัมฤทธิ์ทางด้านการศึกษาจำนวนมากเธอได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จาก  Temple  University  และ  Harvard  University  และจาก  Universities  of  Glasgow  (สก๊อตแลนด์), Berlin(เยอรมันนี),  Delhi(อินเดีย) และ  Witwatersrand  ใน  Johannsburg  อัฟริกาใต้  นอกจากนี้เธอยังเป็นอาจารย์กิตติมศักดิ์ของสถาบันการศึกษาของสก๊อตแลนด์

ในช่วงการใช้ชีวิตของเธอ  เฮเลนได้รับรางวัลแตกต่างกันจำนวนมากในห้องทั้งห้องชื่อห้องว่า  Helen  Keller  Archives  ที่มูลนิธิ  American  Foundation  สำหรับคนตาบอดในเมืองนิวยอร์กนั้นอุทิศให้แก่อนุรักษ์ของเขา  รางวัลต่าง ๆ เหล่านี้รวมถึง  Brazil’s Order  of  the  Southem  และการได้รับเกียรติสูงสุดของประเทศของเธอนั่นคือเหรียญอิสรภาพจากประธานาธิบดี   รางวัลต่าง ๆ เหล่านี้ส่วนมากมีการมอบให้เธอในการยอมรับเกี่ยวกับการกระตุ้นการเป็นตัวอย่างของเธอและเสนอในการทำงานสำหรับคนตาบอดในประเทศต่าง ๆ  ในปี  1933  เธอได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกในสถาบันศิลปะและตัวอักษรแห่งชาติ  ในช่วงของ  Louis  Braille  Contenial  Commentration  ในปี  1952  เฮเลนได้เข้าร่วมในงานฉลองใน  Sorbonne

Miss  Keller  ได้รับรางวัล  Americas  Award  สำหรับ  Inter – American  Unity  ซึ่งเป็นเหรียญทองจากสถาบันสังคมศาสตร์แห่งชาติ  รางวัล  National, และอื่น ๆ อีกจำมาก  เธอได้เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ในสมาคมวิทยาศาสตร์และองค์กรการกุศลต่าง ๆ ทั่วโลก  เกียรติอีกอย่างหนึ่งนั้นมาสู่เฮเลนในปี  1954  เมื่อสถานที่เกิดของเธอคือ  “Ivy  Green”  ในเมือง  Tuscumbia  ได้ทำเป็นศาลถาวรซึ่งมีการอุทิศในวันที่  7  พฤษภาคม  ปี  1954  โดยเจ้าหน้าที่ของศูนย์มูลนิธิเพื่อคนตาบอดแห่งอเมริกาและหน่วยงานอื่นจำนวนมาก  พร้อม ๆ กับเหตุการณ์นี้ภาพยนตร์ชีวประวัติของ  Miss  Keller  “The  Unconguered”  ที่ผลิตโดย  Nancy  Ham  ilton  และบรรยายโดย  Katlanne  Comell  จัดขึ้นในเมืองใกล้ ๆ  Birmingham  ภาพยนตร์ดังกล่าวต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น  Helen Keller  Her  Story  และในปี  1955  ได้รับรางวัลออสก้า  ซึ่งเป็นรางวัลการศึกษาของศิลปะภาพเคลื่อนไหวและวิทยาศาสตร์ในฐานะเป็นภาพยนตร์สาระคดีที่ยออดเยี่ยมที่สุดของปี

Miss  Keller  ตอบสนองทางอ้อมสำหรับรางวัลออสก้าอื่น ๆ อีก  2  รางวัล  2-3  ปีต่อมาเมื่อ  Anne  Bancroft  และ  Patty  Duke  ชนะรางวัลจากการพรรณนาวาดภาพของ  Anne  Sullivan  และ  Helen  keller  ในเวอร์ชั่นที่เป็นภาพยนตร์เรื่อง  “the  Miracle Worker”  ที่เป็นรางวัลแก่เธอ  มากกว่าที่เธอได้รับเกียรติยศต่าง ๆ จำนวนมาก นั้นคือคนที่รู้จักและมิตรภาพที่เฮเลนมีกับผู้เป็นผู้นำชั้นนำส่วนมากในยุคของเธอ  เธอได้พบผู้นำระดับโลกจากประธานาธิบดี  Grover  Cleveland  จนถึง  Charlie  Chaplin,  Nehru,  และ  John  F  Kennedy  ในหมู่เหล่านั้นที่พบเธอยังมีเพื่อนส่วนตัวจำนวนมากซึ่งรวมถึง  Katharine  Comell,  Van  Wyck  Brooks,  Alerander  Grahan  Bell,  และ  Jo  Devidson  เพื่อนสองคนจากวัยเด็กของเธอคือ Mark  Twain  และ  James  ได้แสดงออกถึงความสวยงามที่เพื่อน ๆ ของเธอส่วนมากมีความรู้สึกเกี่ยวกับเธอ  Mark  Twain  กล่าวว่า “บุคคลท่น่าสนใจที่สุดสองคนของศตวรรษที่  19  ก็คือ  Napoleon  และ  Helen  Keller  William  James  เขียนว่า “ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนจะอวยพรให้คุณ”


ในถ้อยคำสรรเสริญที่วุฒิสมาชิก  Lister  Hill  แห่ง  Alabama  ได้แสดงออกถึงความรู้สึกของโลกทั้งโลกเมื่อเขาได้กล่าวเกี่ยวกับเฮเลนว่า  “เธอจะยังมีชีวิตอยู่  เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คน  ชื่อนี้เป็นอมตะ  วิญญาณของเธอจะยังคงทนตราบใดที่มนุษย์ยังสามารถอ่านและประวัติจะมีการกล่าวถึงของผู้หญิงคนหนึ่งผู้ซึ่งได้แสดงให้ทั่วโลกได้รู้ว่าไม่มีขอบเขตต่อความกล้าหาญและศรัทธา”

Continue reading “Helen Keller เฮเลน เกลเลอร์ “ผู้หญิงเคราะห์ร้ายที่น่ายกย่อง””

Case Study Horoscope

19.01.1980

รักอิสระ ถนัดกับงานทางด้านสื่อสารทั้งหลาย มีจินตนาการกว้างไกล มั่นใจตัวเองสูง แต่เรื่องความรักหรือครอบครัวอาจไม่สมหวังหรือได้ลงรอยไม่เหมือนคนทั่วไป

Sekretärin ist ihre Beruf jetzt. Und sie schreibt sehr gern..das ist ihr Hobby. Mehr hat sie nicht erzählt, nach Frage will ich auch nicht, kein boch.